หนัง Sci-Fi Netflix | Outside the Wire (2021)

Posted 2021/02/01 426 0

หนัง Sci-Fi Netflix พบกับทหารหุ่นแอนดรอยด์ ที่มีความเหนือมนุษย์

หนัง Sci-Fi Netflix หนังใหม่ในปี2021 นี้ที่ทางเน็ตฟลิกซ์ได้ปล่อยสตีม ในช่วงกลางเดือนมกราคม เมื่อวันที่15 นั้นเป็น หนังสงคราม ในยุคอนาคต หนังเรื่องใหม่นี้จะมีชื่อว่า Outside the Wire “สมรภูมินอกลวดนาม” เป็นหนังที่แอ็กชันไซไฟจ๋า หนังสงครามอนาคตที่สุดล้ำไปด้วย ชีวะจักรกลประดิษฐ์ที่มนุษย์ได้สร้างขึ้น

หนัง Sci-Fi Netflix

ในเรื่องนี้ หนัง Sci-Fi Netflix เป็นการหยิบยกเรื่องราว ปัญหาในการแบ่งแยกดินแดน ของประเทศยูเคลนในปัจจุบัน มาเป็นฉากท้ายเรื่อง โดยมีทหารที่มีความเหนือมนุษย์ ต้องรับหน้าที่ปฎิบัติภารกิจลับ เพื่อที่จะหยุดยั้งชนวนที่เป็นเหตุ ของสงครามระดับโลกจากเรื่องนี้ ซึ่งได้นักแสดงอย่าง Anthony Mackie จากซีรีส์ The Falcon and The Winter Soldier จากจักรวาลมาร์เวล เป็นอีกหนึ่งนักแสดงที่มีหนังและซีรีส์กับทาง เน็ตฟลิกซ์ ที่ได้เล่นกับสังกัดอยู่เป็นประจำ

และในปีนี้Mackie ก็ได้ร่วมแสดงกับ Damson Idris จากซีรีส์ Snowfall ในบทของ Thomas Harp นักบังคับโดรน ที่ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา เลยถูกส่งตัวให้มาปฎิบัติภารกิจแรก ท่ามกลางสนามรบจริง ๆ และต้องจับคู่กับตัวละคร Leo ที่เป็นทหารยอดฝีมือดีฝีมือฉกาจ ในกองทัพและมีความแตกต่างจากคนอื่น ๆ เพราะเขาเป็นชีวะจักรกลประดิษฐ์ เป็นหุ่นแอนดรอยด์ที่มีทักษะ และพละกำลังเหนือมนุษย์ ไซไฟแฟนตาซี เขาทั้งสองได้รับหน้าที่ให้ปฎิบัติภารกิจครั้งนี้ ในการเสาะหาและทำการกอบกู้ เครื่องมือวันสิ้นโลกที่อาจเป็นตัวแปรสำคัญ ที่จะยุติสงครามที่กำลังเกิดขึ้นให้จบสิ้น

 

เรื่องย่อ: สมรภูมินอกลวดหนาม

ในอนาคตอันใกล้ นักบินโดรนมือฉมัง ถูกส่งตัวมายังสมรภูมิ และต้องทำภารกิจร่วมกับ ทหารหุ่นยนตร์รุ่นใหม่ ลับสุดยอด เพื่อหยุดยั้งวิกฤตนิวเคลียร์ ที่กำลังก่อตัวขึ้น

ฮาร์ป อดีตทหารบังคับโดรนสังหาร ตัดสินใจขัดคำสั่งยิงจรวดช่วยหน่วยรบ 38 นายที่อยู่กลางดงศัตรู โดยทำการสละชีวิตทหาร 2 นายไปพร้อมกับทหารฝั่งศัตรู และทำให้เขาถูกสั่งย้ายไปร่วมภารกิจกับ ผู้กองลีโอ ทหารสุดแปลกที่ไม่มีใครเอา ผู้จะลากฮาร์ปไปกลางสมรภูมิด้วยภารกิจชวนฉงน แอ็คชั่นและผจญภัย และการเปิดเผยตัวตนว่าเขาเองเป็นแอนดรอยด์ไม่ใช่คน ซึ่งฮาร์ปจะถูกบังคับให้เลือกทางแยก ที่ยากลำบากตลอดการเดินทางครั้งนี้

“ลีโอ” นายทหารที่ไม่ใช่มนุษย์ แต่เหมือนมนุษย์ และมีความสามารถเหนือมนุษย์ ที่ในเรื่องเรียกว่า “เทคโนโลยีชีวภาพ รุ่นที่ 4” ในยุคอนาคต ปี 2034 ที่มีหุ่นยนตร์ทหารใช้งานกันเป็นปกติแล้วในทุกประเทศ โดย “ฮาร์ฟ” เป็นดาราที่ค่อนข้างโนเนม ที่ถูกส่งมาประกบคู่ทำภารกิจกับลีโอ เพื่อหยุดยั้งแผนของผู้ก่อการร้ายครั้งใหญ่ในรัสเซีย

หนัง Sci-Fi Netflix สปอยหนังแบบเบาๆ

ตัวหนังเริ่มขึ้นด้วยฉากโชว์สงครามไฮเทคในยุคนั้น ที่มีหุ่นทหารแนวหน้าออกลุยแทนมนุษย์ที่อยู่เบื้องหลัง ส่วนฮาร์ฟเองเป็นนักบินโดรนสังหารที่ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา โดยคิดตัดสินใจเองว่าการยิงจรวดถล่มอีกฝ่ายเพื่อช่วยทหารฝ่ายที่เหลือ แม้จะมีทหารฝ่ายอเมริกาตายจากลูกหลงนี้ไป ก็ถือว่าช่วยทหารส่วนใหญ่ออกจากสมรภูมิปิดตายนี้ได้

ซึ่งเรื่องนี้เองทำให้เราได้รู้ว่า นี่ไม่ใช่หนังสงครามหรือบู๊ล้างผลาญโดยตรง เพราะเปิดเรื่องด้วยคำถามที่ว่าการเสียสละคนส่วนน้อยเพื่อคนส่วนใหญ่ถูกต้องหรือไม่? ซึ่งฮาล์ฟเองมั่นใจว่าตัดสินใจไม่ผิด แต่เขาก็ถูกรับโทษที่ขัดคำสั่ง และถูกส่งไปหาลีโอ ซึ่งเขามารู้ต่อมาว่าลีโอไม่ใช่มนุษย์ และก็ไม่ใช่เครื่องจักรสงคราม มีความรู้สึกไม่ต่างอะไรจากมนุษย์และสติปัญญาความรู้สึกของตัวเอง ซึ่งเป็นอะไรที่เหนือล้ำเกินคาดเดาได้ หนังอนาคต

วหนังเดินเรื่องด้วยฉากแอ็กชั่นสงครามกลางเมืองในยูเครน ซึ่งสหรัฐเข้ามามีเอี่ยวพยายามลดบทบาทของรัสเซียไม่เปลี่ยนไปจากปัจจุบัน ซึ่งเรื่องก็ไม่รีรอที่จะใส่ฉากแอ็กชั่นเข้ามาเรื่อยๆ ไม่หยุด ใครที่คาดหวังฉากแอ็กชั่นสงครามไซไฟไม่น่าจะผิดหวังเลย CG เนียนตา แม้อาจจะไม่ล้ำแบบมีเลเซอร์ยิงกัน แต่เทคโนโลยีทางทหารในเรื่องก็เป็นอะไรที่ดูเป็นไปได้

และก็มีฉากโชว์หุ่นสงครามทั้งอเมริกากับรัสเซียพอกัน แต่อาจจะไม่ถึงขั้นอมตะอะไรมากแบบคนเหล็ก เพราะยังเป็นแค่หุ่นรบแนวหน้าแทนมนุษย์ที่ถูกยิงทำลายด้วยอาวุธหนัก (หน่อย) ได้อยู่ดี แต่ฉากพวกนี้ก็ถือว่าเป็นจุดขายหลักของเรื่องที่ดีเลย โดยมีฉากโชว์ความสามารถจากร่างชีวะจักรกลของลีโอเสริมเข้ามาทำให้เรื่องดูล้ำเข้าไปอีก

แต่สิ่งที่หนังอยากขายและเป็นหัวใจสำคัญของเรื่องคือ คำถามในตอนแรกที่เรื่องเริ่มไว้กับการตัดสินใจของฮาร์ฟว่าถูกต้องหรือไม่? เมื่อมาอยู่กับลีโอที่เป็นเครื่องจักรสงครามที่ถูกสร้างขึ้นมา แต่ปฏิบัติตัวนอกกรอบแบบเดียวกับฮาล์ฟ ฉากแอ็กชั่นแต่ละครั้งที่เรื่องใส่เข้ามามักจะต้องมีคำถามในแง่ศีลธรรมตามมา เมื่อลีโอไม่แคร์ที่จะปล่อยให้อีกฝ่ายตายอย่างทรมาน

แต่ก็ช่วยเหลือผู้คน และยึดมั่นในภารกิจกู้โลกจากผู้ก่อการร้ายบ้าคลั่งที่หวังได้จรวดหัวรบนิวเคลียร์จากในอดีตมาครอบครอง กลายเป็นฮาร์ฟเองที่กลับเริ่มรู้สึกผิดจากการตัดสินใจที่ผ่านมาในฐานะนักบินโดรนสังหารของเขา เมื่อมาอยู่ในพื้นที่สมรภูมิภาคสนามด้วยตัวเองครั้งแรก ทำให้เห็นภาพความเสียหายจากสงครามที่เขาเคยก่อขึ้น โดยมีพลเรือนจำนวนมากถูกลูกหลงที่เขาไม่เคยคิดถึง ซึ่งนี่เองเป็นสิ่งที่ทำให้หนังดูมีอะไรมากกว่าฉากแอ็กชั่นสงครามยิงกันทั่วไป และก็เป็นที่มาของชื่อเรื่อง

ตัวเรื่องจริงๆ เริ่มขึ้นในชั่วโมงหลัง เมื่อฮาร์ฟเองเริ่มกลายเป็นคนละคนกับตอนแรก และลีโอเองก็เผยให้เห็นว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นเช่นไร ซึ่งอาจจะไม่ถึงกับหักมุมอะไร เพราะเรื่องค่อนข้างเผยมาเป็นระยะๆ ว่าไม่ได้จบที่ภารกิจตามล่าผู้ก่อการร้ายอย่างที่เรื่องวางไว้ในตอนแรก ต้องบอกว่าจุดนี้เป็นจุดที่ดีสุดของเรื่องแล้ว เมื่อหนังเอาเรื่องศีลธรรม ความขัดแย้งในใจ ความเป็นมนุษย์ในจักกลชีวะของลีโอมาเล่นจริงจัง แม้อาจจะไม่ได้สมเหตุผลและก็ดูง่ายไปเหมือนกันที่ลีโอกลายมาเป็นแบบนี้ แต่นี่ก็คือสิ่งที่หนังทำได้ดีสุด ในแง่ของหนังสงครามไซไฟที่ไม่ได้มีแค่ฉากแอ็กชั่นยิงกันจนจบเรื่องไปเฉยๆ ทำให้เรื่องดูมีอะไรน่าพูดถึงลึกๆ มากกว่าที่เห็นภายนอก

สรุปโดยรวมของหนัง

ตอบโจทย์สำหรับคอแอ็กชั่น หนัง Sci-Fi Netflix หนังสงครามได้แน่นอน หนังโชว์ฉากรบในอนาคตในแบบเรียลๆ ต่อเนื่องในช่วงครึ่งแรก ก่อนที่ครึ่งหลังจะพลิกเป็นอีกแนว แต่สิ่งที่หนังพยายามเป็นมากกว่านั้น คือการพูดถึงล้วงลึกถึงความคิดของชีวะจักรกลประดิษฐ์ของตัวเอกในเรื่อง หนังฮีโร่ ซึ่งทำออกมาได้ดีเลย แล้วนักแสดงอย่างMackie ก็ถนัดกับบทแบบนี้มาก ปัญหากลับกลายเป็นตัวเอก ร่วมอีกคนที่เป็นดาราโนเนม แต่ถูกดันขึ้นมาคู่กับเขา โดยบทที่เขียนออกมาพยายามให้เขา เป็นอเมริกันฮีโร่แบบไม่น่าเชื่อถือ จนฉุดให้ส่วนของMackie ดูอ่อนยวบตามไปด้วยอย่างน่าเสียดายจริง ๆ

หนัง Sci-Fi Netflix

ข้อมูลรายละเอียดหนัง

นักแสดง: แอนโธนี แม็คคี จากซีรีส์ The Falcon and The Winter Soldier จากจักรวาลมาร์เวล และจากNetflix Point Blank (2019) IO Last on Earth (2019) ซีรีส์ Black Mirror (2020) และซีรีส์ Altered Carbon (2020), แดนสัน อิดริส จากซีรีส์ Snowfall , พิลู แอสเบค, เอมิลี่ บีแซม จาก 28 Weeks Later (2007) และ Pilou Asbæk จากซีรีส์ Game of Thrones และ Ghost in the Shell (2017) รวมถึงเป็นผลงานกำกับของ Mikael Håfström ผู้กำกับชาวสวีเดนจากหนังสยองขวัญ 1408 (2007) และหนังแหกคุก Escape Plan (2013) ของ Sylvester Stallone ซึ่งต้องถือว่ามีประสบการณ์ ในการกำกับหนังใหญ่มาพอสมควร, ไมเคิล เคลลี จาก Man of Steel (2013) และ Now You See Me (2013)

ผู้กำกับ: มิกาเอล ฮอฟสตรอม

ผู้เขียนบท: ร็อบ เยสโกมบ์, โรวัน แอเธล

ระดับความเหมาะสม: 18+ ความรุนแรง, การใช้ถาษาที่ไม่เหมาะสม

หมวดหมู่: ภาพยตร์อเมริกัน, แนวแอ็คชั่นไซไฟแฟนตาซี, ระทึกใจ, ตื่นเต้น

ไซเบอร์พังก์

 

อ่านต่อ>>>หนังไซไฟยอดแย่ 

พนัน esport

แทง Esport

ช่องทางติดต่อเรา>>คลิ๊กที่นี่