Bright Burn เรื่องราวของเจ้าหนู Brandon Breyer

Posted 2021/05/03 289 0

Bright Burn เด็กพลังอสูร หนังฮีโร่ที่มีพลังทำลายล้างสูง

Bright Burn เด็กพลังอสูร เป็นหนังที่รอดูกันนานมาก หลังจากที่เปิดตัวฉายในอเมริกา ที่ความจริงแล้วหนังแนวหนังซุปเปอร์ฮีโร่นั้น มีอยู่เกลื่อนกลาด ที่เด่นๆเลยก็คงจะหนีไม่พ้นฮีโร่ในตระกูลของ Marvel ที่มีฮีโร่หลาหลายแนวหลายสไลต์ ให้เลือกดูกันอยู่มากเลยทีเดียว

ซึ่งเหล่าฮีโร่นั้นก็มีพลังติดตัวมากันอยู่แล้ว แต่พวกเขาเหล่านั้นใช้พลังไปในทางที่เรียกว่าฮีโร่จริง ๆ ถ้าใช้พลังไปในทางที่ผิดแล้วก็คงต้องยกให้ หนังสยองขวัญ เรื่องนี้ Bright Burn เด็กพลังอสูรเรื่องนี้เลย จรวดที่มีเด็กทารกจากต่างดาวลงมาโหม่งโลกในไร่นาโดยมีครอบครัวที่นั่นรับเด็กคนนั้นมาเลี้ยง พล็อทอาจจะดูคุ้น ๆ แต่สิ่งที่แปลกไปจากเดิมคือ…

เป็นผลงานการสร้างสรรค์ของ เจมส์ กันน์ (James Gunn) ที่ทุกวันนี้ทุกคนคงรู้จักในบทบาทผู้กำกับแถวหน้า ของโลกฮีโร่จากหนังมาร์เวล Guardians of the Galaxy และยังเป็นคนเดียว ที่ได้ข้ามฝั่งไปทำหนังฟากดีซี ไปพร้อมกันกับ The Suicide Squad เวอร์ชันปี 2021

ซึ่งในปีเดียวกันนั้นก็จะเป็นช่วงเวลาของหนัง Guardians of the Galaxy Vol. 3 ด้วยเช่นกัน ก็จะกลายเป็นว่าปี 2021 เขาจะเป็นผู้กำกับคนแรก ที่มีผลงานหนังทั้งฝั่งมาร์เวล และดีซีออกฉายภายในปีเดียวกันด้วย และด้วยบารมีระดับนี้ จึงไม่แปลกที่เขาจะสามารถผลักดันโพรเจกต์ส่วนตัว ออกมาได้ง่ายขึ้นในฐานะโพรดิวเซอร์

โดยที่ก่อนหน้านั้น เขาได้กำกับหนังสยองขวัญอย่าง Slither และเขียนบท Dawn of the Dead ฉบับ Zack Snyder เพราะฉะนั้น สามารถบอกได้เลยว่า Brightburn จะไม่ใช่หนังซูเปอร์ฮีโร่ธรรมดา ๆ แน่ ๆ

เรื่องย่อ แบรนดอน เบรเยอร์ เด็กพลังอสูร

เรื่องราวของ “ไคล์” (รับบทโดย David Denman) และ “ทอรี่” (รับบทโดย Elizabeth Banks) สามี-ภรรยาคู่หนึ่งประสบปัญหาด้านการมีลูกยาก ที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ยังไม่สามารถตั้งท้องและมีลูกได้สักที จนในวันหนึ่งพวกเขาทั้งคู่ได้เจอเด็กทารกคนหนึ่งกลางป่า พวกเขาจึงอาสารับเลี้ยงเอาไว้ แบบลูกแท้ๆคนหนึ่ง และตั้งชื่อให้ว่า “แบรนดอน” (รับบทโดย Jackson A. Dunn) ทุกอย่างดูเหมือนจะไปได้ด้วยดี

จนวันหนึ่งเด็กชายที่พวกเขาเลี้ยงเอาไว้เหมือนลูกแท้ ๆ ของตนเอง ตั้งชื่อให้ว่า “แบรนดอน เบรเยอร์” กลับมีพลังวิเศษที่เป็นพลังจากอสูรขึ้นมา และเริ่มมีอารมณ์ฉุนเฉียวจากที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จากเด็กชายที่เป็นเด็กดี ว่าง่าย ก็เริ่มขัดคำสั่ง ไม่เชื่อฟังใครอีกต่อไป จนในที่สุดเด็กชายคนนี้ก็ได้กลายเป็นปีศาจไปอย่างเต็มตัว

สปอยหนัง Bright Burn

เป็นหนังที่รอดูมานานจริง ๆ ชอบแนวคิดเนื้อเรื่องของมัน ถ้าสมมติหากทารกน้อย คาร์ล เอล ในเรื่องราวของ Superman หรือ Man of Steel ไม่ได้โตมาแล้วมีจิตใจบริสุทธิ์ล่ะ ด้วยการถอดแบบพลังมาจากซูเปอร์แมนแทบจะทั้งหมด (มีเพิ่มคือพลังควบคุมกระแสไฟฟ้า) ถ้าเด็กที่ตกลงมาแล้วมีพลังแต่มันไม่ใช่คนดีหละ ก็จะเป็นแนวนี้

แต่เมื่อมาดูแอบผิดหวังและค่อนข้างเฉย ๆ มาก แน่นอนว่าหลาย ๆ อย่างในหนังมันเรียบ ๆ และ ตัวอยางก็สปอยหนักมากไปแล้ว ทำให้ใครที่ดูตัวอย่างมานั้นอาจจะไม่ได้มีอะไรว้าว หรือพีคเพิ่มขึ้นเลยนั้นเอง และ ประเด็นมันน่าสนใจ แต่ทำออกมากลายเป็นหนัง ทั่ว ๆ ไป ทั้งเรื่องของบทและการเล่าเรื่องของหนัง แต่ความโหลดเลือดสาดนั้นมาเต็มครับ

ตัวบทและเนื้อเรื่อง เอาจริง ๆ ค่อนข้างธรรมดาพื้น ๆ แบบหนังทั่วไป จนแอบไปถึงพวกหนังที่ไม่ใช่ระดับฉายโรงเท่าไรจริง ๆ เหมาะกับเป็นซีรีส์มากกว่า เพราะแอบคาดหวังมากกว่านี้ในเรื่องของการเล่าเรื่อง หรือบทที่น่าจะมีอะไรมากกว่านี้ครับ ตัวบทนั้นไม่ได้เด่นอะไรเท่าไรการปูเรื่อง หรือการทำให้เราเข้าไปในหนัง หรือเข้าใจความสัมพันธ์นั้นแทบไม่มี และเนื้อเรื่องเล่าเรื่องค่อนข้างช้าพอสมควร

แต่ยังดีที่มันไม่ได้น่าเบื่อหรือชวนหลับอะไรนะคะ ตัวหนังนั้นมี Jump Scared ค่อนข้างบ่อย ตกใจหลอน ๆ ได้ง่าย และ มีฉากเลือดไหล และน่ากลัวเข้ามาเยอะหลอน ๆ สยองขวัญ เละ ๆ ใครไม่ชอบแนวนี้ไม่ควรดูเท่าไรค่ะ ซึ่งเอาจริง ๆ ก็พอดูลื่นไหลว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ เก็บกด โดนกระทำอะไร จนเป็นเด็กร้ายแบบนี้ค่ะ แต่มันไมค่อยลึกเท่าไร ก็ดูจบแล้วก็ไม่ต้องอะไรมาก ไม่มีอะไรซับซ้อนเลยในการเล่าเรื่อง บทหนังต่าง ๆ ถือว่าอ่อนไปมากอยู่

ฉากต่าง ๆ นั้นถ่ายออกมาให้เราค่อนข้างลุ้นไปกับตัวหนัง ว่าจะมีอะไรโผล่มาไหมเป็นเหมือนหนังสยองขวัญหลาย ๆ เรื่องทั้งเล่นในแง่ของมุมภาพ หรือ การเปิดปิดไฟ ไฟดับทั้งหลาย และ ดนตรีที่เล่นกับจังหวะได้ ตกใจมาก ๆ ดี แต่มุมกล้องไม่ได้มีอะไรที่สวยหรือน่าจดจำอะไรเท่าไร หนังจะออกโทนหม่น ๆ ไปบ้าง ตัวละครจะล้อไปกับทาง DC ด้วย จะไปในธีมนั้นในภาพรวม และมีแนวดนตรีที่ลุ้นระทึกตลอดเวลา และเพลงตอน Credits ก็เข้ากับเรื่องเลยแหละ

ตัวนักแสดงนั้นใช้งานไม่ได้เยอะมาก สเกลหนัง ไม่ได้ใหญ่อลังการอะไรนักแสดงก็แสดงได้ ไม่ได้ติดขัดอะไรแต่เนื่องจากบทมันไม่ส่งทำให้เราไม่ได้รู้สึกเข้าถึง พ่อแม่ ลูก เพื่อน ๆ อะไรเท่าไร แต่เด็กนั้นแสดงได้ค่อนข้างเข้าถึงบทที่เก็บกด เงียบ ๆ นิ่ง ๆ และ แสดงถึงความไม่ไว้วางใจได้ตลอดเวลา ว่ามันจะทำอะไรไหม จุดนี้ถือว่าเด็กนั้นแสดงได้ดีเลยค่ะ แต่เสียดายหลาย ๆ อย่างในแง่ของความสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละตัวเท่านั้นเอง และหนังนั้นแค่ 1 ชม.20 นาที

รวม ๆ เป็นหนังที่คาดหวังไว้เยอะตอนเห็นตัวอย่าง แต่พอมาดูแล้วรู้สึกผิดหวังไปนิด กลายเป็นหนังทั่วไปธรรมดา ๆ แบบหนังฆาตกร ที่เปลี่ยนเป็นคนมีพลังเท่านั้นไม่ได้มีประเด็น หรือจุดพีคอะไรของหนังเท่าไรค่ะ ไม่ได้สดใหม่อะไร แต่ก็ไม่ได้แย่จน ง่วงนอน กลางเรื่องสำหรับเรานะ จริง ๆ แอบเสียดายมาก ๆ เหมือนกัน เป็นหนังที่ดูได้เรื่อย ๆ แต่ไม่ค่อยมีอะไรที่เด่น ๆ ไม่ได้มีฉากแอคชั่น

หรือบ้าพลังอะไรมากนัก หนังจะออกแนวหลอน ๆ มากกว่าและตื่นเต้นระทึกขวัญ และ ถ้าใครจะดูแนะนำไม่ต้องดูตัวอย่างไป หนังมี Post Credits แทรก ๆ หลังจากจบและน่าสนใจด้วย ไม่ต้องรอจน ชื่อขึ้นหมดนะค่ะ และมีนักแสดงรับเชิญที่ คุ้นเคยกันดีคู่หู James gunnและมีการล้อ DC แบบชัด ๆ เลยในช่วง Post Credits

บทสรุปของผู้กำกับ

ในขณะที่Superman เป็นสัญลักษณ์แห่งความดี ผู้กำกับต้องการที่จะสร้างตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความชั่วร้าย และต้องการให้ตัวละครโดดเด่นเหมือนดาวร้ายคลาสสิคอย่าง Freddy Krueger, Leatherface และ Jason Voorhees “เราพยายามจะสร้างสิ่งที่เห็นแล้วรู้สึกกลัวทันทีและเล่นกับความเป็นซูเปอร์ฮีโร่แต่มีรากฐานอยู่ที่ความสยองขวัญ”

David ได้พูดถึงตัวหนังไว้ว่า เราเคยเห็นหนังซูเปอร์ฮีโร่แบบดาร์คๆมาเยอะแล้ว แต่เรายังไม่เคยเห็นแบบที่ทำให้กลัวขนหัวลุก

“ในตอนนี้เราถูกสอนไว้ว่าถ้ามีคนได้พลังวิเศษมา มันจะถูกเอาไปใช้ทำความดี แต่มันเป็นเรื่องโกหก เหมือนกับที่ซานต้าจริงๆแล้วก็คือพ่อแม่ของคุณ ถ้ามีเอเลี่ยนมาตกในป่า วิ่งหนีไปสิวะ”

ในการถ่ายหนังDavid ยังได้เล่นกับการนำเทคนิคถ่ายทำหนังสยองขวัญมาใช้ เช่นการใช้เลนส์ wide ถ่ายตัวละคร Brandon เหมือนกับที่ John Carpenter ถ่ายทำ Michael Meyers ใน Halloween

“ผมไม่เคยเห็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ถ่ายทำในแบบนี้และผมคิดว่าผมสามารถทำให้มันน่ากลัวสุดๆ”

“ Bright Burn เป็นสิ่งที่ผมสามารถโฟกัส และผมชอบทำงาน เพราะงั้น Brightburn เป็นอะไรที่ช่วยผมได้มากตอนที่ผมไม่ได้ทำอะไรเลย” – James Gunn

คลิกดูหนัง>>