10หนังไซไฟ หนังเหนือจินตนาการอิงวิทยาศาสตร์

Posted 2021/01/26 392 0

10หนังไซไฟ ที่จัดว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่ควรค่าแก่การรับชม คอหนังแนวนี้ต้องไม่พลาด!

10หนังไซไฟ ในภาษาอังกฤษ (Science Fiction) หรือย่อ ๆ Sci-Fi ที่เรียกในภาษาไทย ไซไฟ กันนั่นเอง สำหรับคอหนังที่ชอบเรื่องราวทฤษฎีเชิงวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นบันเทิงคดีวิทยาศาสตร์ กล่าวคือมีการอาศัยอุปกรณ์หรือปรากฎการณ์หรือฉากหลังที่เป็นการจินตนาการขึ้น โดยอิงวิทยาศาสตร์ที่ยังไม่ใช่วิทยาศาสตร์ โดยทางการปัจจุบัน เช่น สิ่งมีชีวิตนอกโลก

โลกต่างดาวประสาทสัมผัสพิเศษ และการเดินทางข้ามเวลา เป็นต้น รวมถึงสิ่งที่เป็นอนาคต เช่น ยานอวกาศ หุ่นยนต์ ไซบอร์ก การเดินทางระหว่างดวงดาว หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ บ่อยครั้งภาพยนตร์ไซไฟถูกใช้ เพื่อขับเน้นประเด็นทางสังคมหรือการเมืองหรือเพื่อสำรวจประเด็นทางปรัชญา เช่น ความเป็นมนุษย์ และอีกมากมายหลากหลายแนว

และในช่วงวันหยุดอยู่บ้าน ในสถานการณ์ที่บ้านเมืองยังเผชิญ กับสภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นี้นั้น เราก็จัด หนังแนวไซไฟ ที่คอหนังหลายคน ต้องไม่พลาดที่จะ ได้นอนดูกันแบบเพลิดเพลิน กับภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์ในเรื่องราวที่ดี และน่าสนใจเป็นหนังที่ได้รับความนิยมสำหรับ คอหนังหลาย ๆ คน ที่เราได้แนะนำ 10หนังไซไฟ ที่ดี จะเรียกได้ว่าเป็นหนังคลาสิกขึ้นหิ้ง ถ้าพูดชื่อขึ้นมาแล้วหลายคนส่วนมาก หรือบรรดาเหล่าคอหนัง จะต้องรู้จักกันเป็นอย่างดี ว่าแต่จะมีเรื่องอะไรบ้างนั่นมาดูกัน

10หนังไซไฟ

10. The Matrix (1999)

หนังดังแห่งยุค 90 ภาคแรกของจุดเริ่มต้นไตรภาคอันแสนบรรเจิด หนังที่เป็นการผสมผสาน ระหว่างแอ็คชั่นที่น่าตื่นเต้น และเอฟเฟกต์พิเศษที่แปลกใหม่ ว่าด้วยโลกอนาคตปี2199 ที่มนุษย์เกือบจะล่มสลาย และยังเข้าไปอยู่ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในโลกจำลอง ซึ่งหนังถ่ายทอดเนื้อหาออกมาได้อย่างสนุก แต่ก็ยังแฝงปรัชญาที่ชวนมึนตึบและเป็นที่ถกเถียงกันมาถึงปัจจุบัน หนังยังมีฉากแอคชั่นในตำนานมากมาย ซึ่งรวมถึงฉากหลับกระสุนในตำนานอีกด้วย

ผู้อำนวยการและนักถ่ายภาพยนตร์ Bill Pope ใช้ประโยชน์จากกลอุบายทางเทคนิคที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อสร้างระดับความเป็นจริงที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ตั้งค่ากล้องความเร็วสูงให้เคลื่อนไหว เพื่อให้ลำดับแอ็คชั่นเป็นแบบไดนามิกและลื่นไหลเป็นอย่างมาก

กำกับการแสดงโดย: Andy Wachowski, Lana Wachowski

9.The Terminator, Terminator 2: Judgment Day (1984 และ 1991)

ในภาคแรกนั้นเนื้อหาเล่าถึงโลกอนาคตในปี ค.ศ. 2029 ที่ถูกปกครองด้วยคอมพิวเตอร์ชื่อ SkyNet หลังเกิดสงครามนิวเคลียร์ ฝ่ายมนุษย์ได้รวมกลุ่มขึ้นต่อต้าน นำโดย “จอห์น คอนเนอร์” ฝ่าย SkyNet จึงส่งหุ่นยนต์สังหารรุ่น T-800 ย้อนเวลามายังลอสแอนเจลิส ในปี ค.ศ. 1984 เพื่อฆ่า “ซาราห์ คอนเนอร์” ซึ่งเป็นแม่ของจอห์น คอนเนอร์ ก่อนที่จอห์นจะเกิด ส่วนฝ่ายจอห์น คอนเนอร์ก็ส่ง “ไคย์ล รีส” ทหารรุ่นน้องเดินทางย้อนเวลากลับมาเพื่อปกป้องแม่ของเขา

ส่วนในภาคที่2 นั้นเล่าเรื่องสิบปีหลังจากซาราห์ คอนเนอร์ ทำลายหุ่นยนต์สังหาร T-800 ในปี ค.ศ. 1991 หุ่นยนต์สังหารรุ่นใหม่ รุ่น T-1000 ที่มีความทันสมัยกว่ารุ่นเดิม ถูกส่งย้อนเวลามาเพื่อสังหารจอห์น คอนเนอร์ สมัยเด็ก ดังนั้นฝ่ายจอห์น คอนเนอร์ในอนาคต ก็ได้ส่งหุ่นยนต์สังหาร T-800 กลับมาปี 1991 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับในภาคแรก ที่เขายึดมาจาก SkyNet และตั้งโปรแกรมใหม่ให้มีภารกิจคุ้มครองจอห์น และซาราห์ คอนเนอร์

ทั้งสองภาคเล่าเรื่องแทบจะเป็น Plot เดียวกัน หนังอุดมไปด้วยความมันส์ Special Effect ที่ล้ำยุคมากในปีที่เข้าฉาย (แต่ภาคแรกจะมีความดิบกว่า) มีอารมณ์ขันแทรกมาเป็นระยะๆ พร้อมทั้งสอดแทรกแนวคิดความเจริญทางเทคโนโลยีกับผลกระทบที่ตามมา

กำกับโดย: James Cameron

8. Star Wars Episode V: The Empire Strikes Back (1980)

ภาพยนตร์ในชุดstar war ที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดในเฟรนไชส์นี้ และเป็นหนังขึ้นหิ้งอีกเรื่องที่ทุกคนต้องหาดูซักครั้ง โดยหนังมีฉากสงครามอวกาศที่น่าตื่นตา รวมถึงงานออกแบบต่างๆ ทั้งยานรบ สถานที่ หรือเอเลี่ยนต่างๆในเรื่อง ที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม และหนังเรื่องนี้ยังมีฉากหักมุมที่ดีที่สุดเรื่องนึง

กำกับโดย: Irvin Kershner

7.Moon (2009)

หนังฮาร์ดไซไฟจากทุนสร้างเพียง 5 ล้านเหรียญ หนังหุ่นยนต์มีชีวิต ที่อัดแน่นด้วยคุณภาพของตัวบทจากการวางปมที่น่าเชื่อถือและเชื่อมโยงไปยังพล็อตทวิสต์ได้อย่างมีชั้นเชิง โดยเล่นประเด็นการขาดแคลนทรัพยากรที่นำไปสู่การส่งมนุษย์ไปนอกโลกเพื่อแสวงหาแหล่งอารยธรรมใหม่ และหนังโฟกัสไปยังชายคนหนึ่งซึ่งทำงานบนดวงจันทร์และกำลังจะได้กลับโลกหลังหมดสัญญาจ้างกับบริษัทต้นสังกัด โดยยอดเยี่ยมของหนังจะเป็นการเล่นกับความรู้สึกของตัวละครที่ค่อย ๆ นำเสนอเรื่องราวที่ดูเป็นปกติกับกิจวัตรที่ต้องทำซ้ำไปซ้ำมาในแต่ละวัน ก่อนเกิดจุดหักเหสำคัญในช่วงกลางเรื่องที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสภาพจิตใจและบรรยากาศของหนังที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

เป็นหนังของประเทศอังกฤษ ที่ได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย รวมทั้งรางวัลภาพยนตร์อิสระยอดเยี่ยม และรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม จากงาน British Academy Film Awards ในปี 2009 แค่นี้ก็การันตีได้แล้วว่าน่าดูขนาดไหน

กำกับโดย: Duncan Jones

6.Looper (2012)

หนังย้อนเวลา-มิติคู่ขนาน เรื่องราวของ “โจ” ผู้มีอาชีพที่เรียกว่าลูปเปอร์ มือปืนที่คอยฆ่าเหยื่อที่ถูกส่งมาจากอนาคตปี 2072 ห่างจากปีที่โจอยู่ 30 ปี แต่เหยื่อรายล่าสุดที่ทำให้โจทำงานพลาดก็คือ ตัวของเขาเองที่ถูกส่งมาจากอนาคต โจเด็กจึงต้องหาทางกำจัดโจแก่ (ผู้ที่คิดว่าโจแก่ควรตายได้แล้วตามลูปที่วนซ้ำ) แต่โจเด็กก็ยังสับสนเพราะโจแก่ก็คือตัวของเขาที่ฆ่าไม่ลง ขณะโจแก่นั้นเก๋าและรู้ไต๋โจเด็กดีทุกอย่าง และมีแผนการบางอย่างเพื่อจะเปลี่ยนอนาคตด้วย หนังชวนลุ้นกับเส้นไทม์ไลน์ที่หักทฤษฎีเวลาของหนังเรื่องอื่นไปพอสมควร แต่ก็ทำให้ได้ลุ้นเพราะอนาคตใหม่อาจไม่เหมือนกับอดีตเดิม ๆ ก็ย่อมเป็นไปได้

กำกับโดย: Rain Johnson

10หนังไซไฟ

10หนังไซไฟ 5.Interstellar (2014)

หนังนักบินอวกาศ เสาะหาดาวดวงใหม่แทนโลก ความพิเศษของหนังเรื่องนี้ ที่มีมากไปกว่าความเป็นหนังท่องอวกาศ คือการพูดไปถึงเรื่องของหลุมดำและมิติพิเศษของสิ่งทรงภูมิปัญญานอกโลก ที่ทำให้ผู้ชมที่ดูในโรงหนังถ้าไม่อึ้งหรืองงเพราะไม่เข้าใจเกี่ยวกับการเดินทางผ่านรูหนอนและมิติกาลเวลาที่ซับซ้อน

และยังเล่าเรื่องของเวลาที่ไม่เท่ากันระหว่างเดินทางในแต่ละดาว (แนวคิดคล้าย ๆ ในฝันแต่ละชั้นของ Inception) หรือคอมพิวเตอร์แท่งสี่เหลี่ยมสีดำที่ชื่อ TARS หรือ CASE ที่อดนึกถึง HAL 9000 ใน 2001: Space Odyssey (1968) ไม่ได้ แต่ Nolan ก็ยังไม่ทิ้งความสนุกแบบภาพยนตร์กับตัวละครเซอร์ไพรส์ และดราม่าความรักระหว่างพ่อลูกที่เอามาขยี้ให้ซาบซึ้ง

กำกับโดย: Christopher Nolan

4.Inception (2010)

Inceptionหรือ จิตพิฆาตโลก เป็นภาพยนตร์จากอเมริกันในปี 2010 แนวนวนิยายวิทยาศาสตร์-แอ็กชันภาพยนตร์ได้รับแรงบันดาลใจจากภาวะที่คนเราสามารถที่จะรู้สึกตัวและตระหนักได้ว่าตนเองนั้นอยู่ในความฝัน (lucid dream) โดยมีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับการโจรกรรมของดอม คอบบ์ (ลีโอนาร์โด) ที่มีความสามารถในการเข้าไปในฝันของคนอื่นเพื่อขโมยข้อมูล ความสามารถนี้ทำให้คอบบ์กลายเป็นอาชญากรและต้องหลบหนี รวมทั้งสูญสิ้นทุกสิ่ง แต่เขาก็ได้รับข้อเสนอในการที่จะกลับมาใช้ชีวิตแบบเดิม แลกกับการปฏิบัติภารกิจปลูกฝังความคิดของเป้าหมาย 10หนังไซไฟ ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า “Inception”

นำแสดงโดยลีโอนาร์โด ดีคาปริโอ, เคน วะตะนะเบะ, โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์, เอลเลน เพจ, มารียง กอตียาร์ และคิลเลียน เมอร์ฟี

กำกับโดย: Christopher Nolan

3.Blade Runner (1982)

ถือเป็นภาพยนตร์ไซไฟจากฮอลลีวู๊ดที่ดีที่สุดเท่าที่เคยสร้างขึ้นเลยทีเดียว ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1982 กำกับโดย ริดลี่ สก็อต และต่อมาก็มีภาคต่อเพิ่มขึ้นมาอีก โดยเนื้อเรื่องเป็นการบรรยายถึงโลกอนาคตในเมืองลอสแอนเจอลิส ที่มีการดัดแปลงพันธุกรรมและออกแบบมนุษย์เทียม “Replicants” จากบริษัทไทเรล คอปเปอเรชั่น มนุษย์เทียมเปรียบเสมือนแรงงานทาสทั้งบนโลกและนิคมบนดาวอื่น มนุษย์เทียมบางส่วนจึงเกิดการต่อต้านและหนีมายังโลก ทำให้เกิดการไล่ล่าและฆ่า (ปลดประจำการ)

สำหรับเหล่าหน่วยปฎิบัติการพิเศษที่รู้จักกันในนาม “Blade Runner” โดยเนื้อเรื่องเน้นไปยังกลุ่มมนุษย์เทียมที่หนีรอดได้จำนวน 6 คน นำโดย รอย เบตตี้ (รัทเจอร์ ฮอร์เออร์) และรวมไปถึงอดีตเบรดรันเนอร์อย่างริชาร์ด เดคก้า (แฮร์ริสัน ฟอร์ด) ซึ่งไม่เต็มใจที่ตกลงรับที่หน้าที่ไล่ล่ามนุษย์เทียม ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะเป็นอย่างไรก็ต้องไปติดตามชมกัน

2.Metropolis (1927)

หนังเล่าถึงเหตุการณ์ของเมืองหลวงแห่งหนึ่งในอนาคต ที่มีตึกระฟ้า มีความเจริญรุ่งเรืองทางด้านเทคโนโลยีมีทั้งถนนทางด่วนพาดผ่านกลางตัวเมืองหลายชั้น มีรางรถไฟฟ้า มียานที่สามารถจอดลงบนยอดตึกได้ ซึ่งในความเจริญนั้นก็มีการแบ่งชนชั้นของคนสองกลุ่ม ระหว่างกลุ่มทาสทำงานอยู่กับเครื่องจักรกลใต้ดิน กับพวกชนชั้นสูง ที่มีความสุขอยู่กับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ

โดยมีผู้นำเผด็จการชื่อ John Fredersen ที่กำลังหาทางกำจัดกลุ่มทาสที่รวมตัวกันต่อต้านโดยมี Maria เป็นผู้นำ แต่ Freder ลูกชายของ John Fredersen ดันมาพบรักกับ Maria ทำให้เขาพบความไม่ยุติธรรมต่อคนงานใต้ดิน เขาจึงขอร้องให้พ่อเขาช่วยแก้ไข แต่กลับทำให้ John Fredersen ร่วมมือกับนักวิทยาศาสตร์ชื่อ Rotwang สร้างหุ่นยนต์สาวให้เหมือน Maria แล้วปลอมตัวไปยุยงคนงานใต้ดินให้ก่อความรุนแรงวุ่นวายขึ้น เพื่อจะได้เป็นข้ออ้างในการกำจัดชนชั้นแรงงานทาสให้สิ้นซากต่อไป

กำกับโดย: Fritz Lang

1.A Space Odyssey (2001)

เรื่องที่น่าเหลือเชื่อสำหรับหนังยุค 60 กับการเซ็ทองค์ประกอบและเทคนิคงานภาพที่นำเสนอความเป็นไซไฟที่ดูสมจริง ทั้งยังสะท้อนความลับของจักรวาลที่ย้อนไปถึงยุคบรรพชนโดยเล่าผ่านจังหวะเรียบนิ่ง เน้นภาษาภาพที่จะให้คนดูค่อยๆคิดวิเคราะห์และตกผลึกถึงแก่นแท้ของหนัง ด้วยเหตุผลดังกล่าวก็ไม่น่าแปลกใจที่หนังจะถูกยกย่องว่าเป็น หนังไซไฟดีที่สุดตลอดกาล โดยหนังเปิดเรื่องด้วยการปรากฏของโลก ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ พร้อมกับฝูงลิงที่กำลังฟาดฟันกันด้วยแท่นกระดูก ก่อนตัดภาพไปยังสถานีอวกาศกับการค้นพบแท่งสีดำปริศนาที่จะนำไปสู่วิวัฒนาการของมนุษยชาติ

ภาพยนตร์Sci-Fi 10หนังไซไฟ ขึ้นหิ้งของสุดยอดผู้กำกับสุดเนี๊ยบ “สแตนลีย์ คูบริก” หนังสอดแทรกปรัชญาชวนมึนตึบตลอดทั้งเรื่อง และยังคงถกเถียงกันจนมาถึงปัจจุบัน ถึงแม้หนังจะมีการถ่ายทำที่ดูแล้วเฉยๆCG ไม่ตระการตาอย่างปัจจุบัน ซึ่งหนังก็เก่ากว่า50ปีแล้ว ในสมัยนั้นถือว่าล้ำมาก แต่ด้วยเรื่องบท การเล่าเรื่อง ก็ยังทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นที่1ของหนังSci-Fi ขึ้นหิ้ง

กำกับการแสดงโดย: Stanley Kubrick

ดูเพิ่มเติมที่>>> หนัง Sci-Fi Netflix

แทงบอลออนไลน์

แทงบอล

ช่องทางติดต่อเรา>>คลิ๊กที่นี่